top of page

Benefits of CoQ 10


CoQ10 เป็นสารซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในไมโตคอนเดรีย(Mitochondria) ซึงไมโตคอนเดรียนี้ ทำหน้าที่ผลิตพลังงานให้แก่เซลล์โดยพลังงานดังกล่าวจะอยู่ในรูป ATP(Adenosine triphosphate) ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐานของเซลล์ หน้าที่หลักของ CoQ10 คือช่วยในการเร่งปฏิกิริยาภายในร่างกาย โดยตัวเอนไซม์เองไม่ถูกทำลาย หรือถูกเปลี่ยนแปลงเมื่อปฏิกิริยาดังกล่าวสิ้นสุดลง เนื่องจาก CoQ10 มีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย ดังนั้นเมื่อระดับของ CoQ10 มีการเปลี่ยนแปลงไปก็จะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆของร่างกาย ซึ่งอาจเปรียบเทียบCoQ10 เป็นเสมือนกับ หัวเทียนรถยนต์ ซึ่งรถยนต์จะไม่สามารถวิ่งได้ถ้าปราศจากหัวเทียน

ในปัจจุบันพบว่า CoQ10มีประโยชน์อย่างมากทั้งในเรื่องของการเป็นสารที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) และช่วยในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ

โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด Cardiovascular disease

โดยปกติรางกายจะสามารถผลิต CoQ10 ขึ้นได้เอง แต่ปริมาณจะลดน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น หัวใจเป็นอวัยวะที่ต้องการและมีการใช้พลังงานที่สูงจึงพบว่าเป็นอวัยวะที่เกิดกระบวนการmetabolismที่สูงมาก การขาด CoQ10ซึ่งเป็นสารสำคัญในการสร้างพลังงาน จึงมีผลกระทบต่อหัวใจและจะนำไปสู่สภาวะหัวใจล้มเหลว จากการศึกษาองค์ประกอบในเนื้อเยื่อหัวใจของผู้ป่วยโรคหัวใจ พบว่า 50-75%ของผู้ป่วยจะขาด CoQ10 ซึ่งการรักษาโรคหัวใจส่วนใหญ่จะละเลยการ ส่งเสริมการทำงานของหัวใจ ในคนไข้โรคหัวใจส่วนมากจะพบการเสื่อมของกล้ามเนื้อหัวใจอยู่ด้วย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการได้รับเลือดที่มีความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำไปเลี้ยงหรือมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ CoQ10 จะเป็นตัวป้องกัน และรักษาการเสื่อมดังกล่าวด้วยการให้สารอาหารที่จำเป็นในระดับเซลล์

จากการศึกษาในคนไข้โรคหัวใจ 424 คนระหว่างปี 1985-1993 โดยการให้รับประทานCoQ10 พบว่า กว่า 87% คนไข้มีอาการดีขึ้น

ภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ (Congestive Heart Failure)

CHF คือสภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมักเกิดจาก ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ หรือกล้ามเนื้อหัวใจโต โดยเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงซึ่งวัดจากระดับของATP และ CoQ10 โดยในปี 1994 ได้มีการศึกษากับผู้ป่วย CHF จำนวน 641 คน ในระยะเวลา 3 เดือนพบว่า ผู้ป่วยส่วนมากมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกหนึ่งการศึกษาในผู้ป่วย CHF กว่า 2500 คน โดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม โดยในกลุ่มแรกได้รับ CoQ10 อีกกลุ่มได้รับยาหลอก(Placebo) เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 12 เดือน พบว่ากว่า 80 % มีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน อาการบวมของข้อเท้าลดลง อาการหายใจหอบถี่ลดลง การนอนหลับดีขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอกซึ่งมีอาการแย่ลง

ความดันโลหิตสูง(Hypertension)

พบว่ากว่า 39%ของคนที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจะมีระดับ CoQ10 ที่ต่ำ แต่การรับประทานCoQ10ไม่ได้ช่วยเฉพาะผู้ที่ขาดเท่านั้น CoQ10ยังช่วยในกระบวนการmetabolism ที่ผิดปกติ การรับประทาน CoQ10 ช่วยลดการทำลายผนังหลอดเลือดจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดแรงต้านทานของผนังหลอดเลือด ทำให้ประสิทธิภาพในการสูบฉีดเลือดของหัวใจดีขึ้น ลดระดับความดันโลหิตลงได้

กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง, หัวใจโต (Cardiomyopathy)

คือสภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดประสิทธิภาพในการบีบตัวสูบฉีดเลือด ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มักจะพบว่ามีการขาด CoQ10 จากการศึกษาในผู้ป่วย34รายด้วยการให้รับประทาน CoQ10 พบว่า 82%มีอาการดีขึ้น โดยวัดจากปริมาณการสูบฉีดเลือด และ Cardiac Index นอกจากนี้อัตราการรอดชีวิตในช่วง 2 ปียังสูงถึง 62% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยวิธิปกติเพียงอย่างเดียว ซึ่งพบอัตราการรอดชีวิตในช่วง 2 ปีดังกล่าวเพียง 24 %

มะเร็ง (Cancer)

จากความสามารถในการเพิ่มภูมิต้านทานและกำจัดอนุมูลอิสระ CoQ10จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะในการใช้ร่วมกับผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาเคมีบำบัด( Chemotherapy) ซึ่งการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวพบว่ายาเคมีบำบัดหลายชนิดเกิดพิษหรือมีผลกระทบต่อหัวใจ การให้CoQ10 จะช่วยป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับหัวใจจากการรักษาได้

Performance Enhancing Agent

การที่ CoQ10 เป็นสารสำคัญในการสร้างพลังงาน การรับประทาน CoQ10 จึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย จากการศึกษาใน กลุ่มตัวอย่าง 6 คน โดยให้รับประทาน CoQ10 เป็นระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ พบว่าประสิทธิภาพในการออกกำลังกายดีขึ้นถึง 3-12% โดยวัดจากอัตราการเต้นของหัวใจ และประสิทธิภาพการใช้ออกซิเจน

ลดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง (Anti-aging/Skin care)

ผิวหนังมีหน้าที่ในการป้องกันสารพิษ เชื้อโรค และรังสีอัลต้าไวโอเลต(Ultraviolet) จากแสงอาทิตย์ โดยรังสีอัลตร้าไวโอเลตนี้มี 2 ชนิด คือ UVA และ UVB แต่ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอยจะเป็นรังสี UVA โดย UVA สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังถึงชั้นหนังแท้ และจะเริ่มต้นในการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นผลิตผลที่เกิดขึ้นจากกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation) อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ก็จะทำอันตรายต่อไขมัน โปรตีน และสารพันธุกรรม(DNA) ในเซลล์ผิวหนัง รวมถึงทำให้เกิดการทำลายของ คอลลาเจน(Collagen) และโครงสร้างอื่นๆของผิวหนัง สูญเสียความยืดหยุ่น ขาดความกระชับเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ CoQ10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant) โดยจะไปป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่จะทำให้อนุมูลอิสระซึ่งจะทำอันตรายต่อผิวหนัง นอกจากนี้ CoQ10 พบมากที่ผิวหนังชั้นนอก(Epidermis)มากกว่าที่ผิวหนังชั้นใน(Dermis)ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากรังสี UVA จึงเป็นข้อดีอีกประการที่จะช่วยขจัดอนุมูลอิสระ(Free radical) ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยและความหมองคล้ำ

มีงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของ CoQ10 ต่อการลดริ้วรอยมากมายว่าสามารถทำให้ความลึกของริ้วรอยลดลง เช่นการศึกษาของ Gerson Unna พบว่าภายหลังที่กลุ่มทดลองได้รับ CoQ10 ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ริ้วรอยลดลงกว่า 27 % และเมื่อได้รับ CoQ10 ต่อไปเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ริ้วรอยลดลงกว่า 43%

Source: http://www.oknation.net/blog/drugcenter

Tags:

Featured Products
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
Recent Posts
Archive
Search By Tags
bottom of page